สมัยก่อนลายพราง (Camouflage) มีใช้เฉพาะในกลุ่มทหารเพื่อการพรางตัวเวลาออกรบเท่านั้น แต่ปัจจุบันลายพรางกลายมาเป็นแฟชั่นยอดฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองไปแล้ว เคยสงสัยกันไหมว่า ใครนะ เป็นผู้เริ่มต้นการทำเสื้อผ้าและของใช้ลายพรางพวกนี้กัน ถ้าอยากรู้ก็ตามแอดมินมาเลยฮะ
เดิมทีธรรมชาติเป็นผู้สร้างการพรางตัวขึ้นมา เพื่อให้เหล่า นักล่า สามารถแอบดูเหยื่อโดยไม่ให้มันรู้ตัวได้ และ เหยื่อ เองก็มีวิธีพรางตัวเพื่อหลบซ่อนจากนักล่าเช่นกัน เหล่านายพรานเรียนรู้จากธรรมชาติว่าการซ่อนตัวนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากในการล่าสัตว์และการทำสงคราม
ในยุคเก่าเริ่มมีการทาเรือด้วยสีฟ้าเพื่อให้กลืนไปกับท้องทะเล นักปราชญ์ซุนวู ได้พูดถึงข้อดีการอำพรางตัวในตำราพิชัยสงครามของเขาเช่นกัน และเมื่อเข้าสู่ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มมีการพรางตัวทหารเกิดขึ้น ก็แหม ใครจะอยากใส่เสื้อสีสดๆให้เป็นเป้ายิงกันล่ะ
ยุคแรกๆ มือซุ่มยิง จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีน้ำตาลหรือเขียว แต่พอมาถึงยุคที่เริ่มใช้ปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศแล้วจำเป็นต้องใช้อะไรที่มันเนียนกว่านั้น การใช้เสื้อผ้าสีเดียวแม้จะเป็นสีโทนธรรมชาตินั้นไม่เพียงพออีกต่อไป จึงเริ่มมีการใช้หลายๆสีมาผสมกันให้ดูลวงตามากขึ้น
ในปี ค.ศ. 1915 กองทัพฝรั่งเศส เป็นผู้ริเริ่มการแต่งกายด้วยลายพราง โดยใช้สีทาลงไปบนเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆของทหาร ภายหลังประเทศอื่นๆก็เริ่มทำตามบ้าง
พอมาถึง สงครามโลกครั้งที่ 2 การพรางตัวก็พัฒนาไปไกลถึงขั้นมีเครื่องแบบแยกสีตามหน่วยงาน หรือตามสภาพภูมิประเทศ เช่น ป่า ทะเลทราย ภูเขาหิมะ เลยทีเดียว และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถพิมพ์ลายผ้าเป็นลายพรางได้ทันที ทำให้สามารถผลิตเครื่องแต่งกายของทหารได้จำนวนมากๆ เพียงพอกับความต้องการของกองทัพ
ในช่วงที่ไม่มีสงคราม ลายพรางก็กลายเป็นที่นิยม อาจจะด้วยความที่ใส่แล้วดูเท่เหมือนทหารหรือเปล่าก็ไม่รู้นะฮะ (แต่แอดมินคิดแบบนั้นล่ะ ฮ่าๆ) แม้กระทั่งนิตยสารแฟชั่นชื่อดังอย่าง Vogue ก็เคยเขียนบทความเกี่ยวกับแฟชั่นลายพรางไว้ด้วย นอกจากลายพรางสีเอิร์ธโทนแล้ว ในช่วงยุค 80’s ก็เริ่มนิยมลายพรางสีสดๆ โดยมีต้นแบบจากศิลปะแนวใหม่ของเหล่าศิลปินชื่อดัง เช่น Alain Jacquet และ Andy Warhol
ยังจำ Nike SB Dazzle pack ปี 2014 กันได้อยู่ไหม เดิมทีลายขาวดำนี้ใช้ทาเรือรบเพื่อพรางตาจากเรือดำน้ำฝ่ายศัตรูนั่นเอง ก็กลายมาเป็นแฟชั่นได้อีก
แต่สุดท้ายแล้วการที่ลายพรางกลายมาเป็นสตรีทแฟชั่นได้ ก็เป็นเพราะอิทธิพลจากนักร้องและเหล่าคนดังนี่เอง เช่น Public Enemy แต่งตัวด้วยลายพรางขาวดำตอนโปรโมทอัลบั้ม “It Takes a Nation of Millions to Hold us Back” ในปี ค.ศ.1988
แบรนด์ดังอย่าง BAPE, Stussy, Stone Island และ Maharishi ก็เริ่มสร้างลายพรางตามแบบฉบับของตนเองเช่นกัน
แม้กระทั่งลาย Nova check ของ Burberry เองก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ในที่สุด
ในวงการรองเท้าก็นำเทรนด์ลายพรางมาใช้กับเขาเหมือนกัน จนทุกวันนี้ก็มีลายพรางออกมาเยอะแยะไปหมด เท่าที่จะคิดค้นกันขึ้นมาได้ เช่น การจับมือกันของ Supreme กับ Vans และ Comme Des Garcons ออกลาย 'Digi-camo'
Nike SB Dunk รุ่น ‘Hunter’ หรือร้านขายปลีกอาจจะทำ customs ขึ้นมาเองก็มี เช่น Sneakersnstuff กับลาย ‘Swedish Camo’ บนรองเท้า PUMA
เทคนิคการทำลายพรางนั้นมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเพ้นท์มือ พิมพ์สีลงบนผ้า หรืออย่าง ASICS และ ADIDAS รุ่น Jacquard ที่ใช้เทคนิคการถักทอผ้าให้ออกมาเป็นลายในตัว และทาง NikeID เอง ตอนนี้ก็มีลายพรางให้เลือกในแบบรองเท้าแล้วเหมือนกัน
จนมาตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ของใช้ลายพรางเต็มไปหมด ทั้งทำเพื่อพรางจริง กับทำไปเพื่อเพิ่มลวดลายเสื้อผ้าให้ดูมีอะไรมากขึ้น แอดมินว่าก็อยู่ที่รสนิยมของแต่ละบุคคลล่ะฮะทีนี้